มิเกล อาร์เตต้า กุนซืออาร์เซนอล ให้สัมภาษณ์หลังจบเกมที่ อาร์เซนอล บุกไปแพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-2 มองว่าเกมนี้ลูกทีมมีทั้งช่วงเวลาที่ดีและแย่ แต่ยอมรับว่าทีมเปิดโอกาสให้เจ้าบ้านทำเกมรุกง่ายเกินไป เป็นเหตุให้เสียถึง 3 ประตู “อย่างแรกเลยคือเราแสดงคาแรกเตอร์ของเราและความกล้าหาญในการเล่นอย่างที่เราทำที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด” อาร์เตต้า กล่าวกับ Arsenal Media “แต่ความจริงก็คือ เมื่อเราเสียสามประตูที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด มันยากมากที่จะเราได้ผลลัพธ์ที่เราต้อง ตอนที่เกมเสมอ 2-2 และเราอยู่ในช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเรา เราควบคุมเกมได้ ซึ่งคุณต้องก้าวไปอีกขั้นเพื่อคว้าชัยชนะ…
Posts tagged as “มิเกล อาร์เตต้า”
มิเกล อาร์เตต้า ยอมรับว่าอยากร่วมงานกับ อาร์แซน เวนเกอร์ อีกครั้งในถิ่นเอมิเรสต์ สเตเดี้ยม เชื่อว่าเป็นเรื่องที่ดีต่อ อาร์เซนอล “ผมได้เจอกับเขา (เวนเกอร์) และได้พูดคุยกับเขา เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งที่ได้พบเขาและพูดคุยกับเขา และหวังว่าเราจะสามารถพาเขาเข้ามามีส่วนร่วมกับสโมสร” “เพราะผมคิดว่าเขาจะมีความสุขเมื่อได้เห็นสภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวเขา และรอบๆ สโมสรแห่งนี้ เพราะความเคารพและความชื่นชมที่ทุกคนในสโมสรมีต่อสิ่งที่เขาทำ และรวมถึงสิ่งที่เขาเป็นตัวแทนในฐานะบุคคลต่อสโมสรแห่งนี้” “ผไม่สามารถบอกได้ในตอนนี้ (ว่า เวนเกอร์ จะรับตำแหน่งอะไรหากกลับมาที่ อาร์เซนอล) แต่สิ่งที่ผมสามารถพูดได้คือผมอยากได้ทำงานร่วมกับเขา” “เพราะผมคิดว่ามันจะเป็นความช่วยเหลือที่ดี และมันจะเป็นความช่วยเหลือที่ดีสำหรับสโมสรเช่นกัน” “สิ่งที่ผมสามารถพูดได้ใจความคิดของผม และผมก็เชื่อว่าทุกคนที่เกี่ยวข้องกับสโมสรยินดีที่จะได้เห็นเขากลับมาอยู่ใกล้ชิดกับสโมสรอีกครั้ง”
มิเกล อาร์เตต้า ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวในการแถลงความพร้อมของทีมอาร์เซนอล ก่อนลงเล่นเกมพรีเมียร์ลีกพบกับ นิวคาสเซิล โดยกุนซือชาวสเปนตอบคำถามนักข่าวถึงสิ่งที่ทีมปืนใหญ่ของเขาสามารถเรียนรู้ได้จากเกมที่ทีมบุกไปแพ้ ลิเวอร์พูล แบบขาดลอย 4-0 เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว “แน่นอน มีหลายสิ่งที่คุณสามารถเรียนรู้ได้” “คุณเห็นมาตรฐานที่คุณต้องเพิ่มเพื่อแข่งขันกับทีมเหล่านั้นในลีก และความสม่ำเสมอของทุกเกม ซึ่งพวกเขาก็ทำได้สม่ำเสมอตลอดทั้งเกมเช่นกัน” “พวกเขาครองการเล่นได้ทุกพื้นที่ในสนาม และนั่นเป็นสาเหตุที่พวกเขาประสบความสำเร็จอย่างมาก”
มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมอาร์เซนอล ดีใจที่เห็นลูกทีมกลับมาเก็บชัยชนะเหนือนิวคาสเซิล 2-0 ในเกมพรีเมียร์ลีกเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา หลังจากสัปดาห์ก่อนพ่ายแพ้ต่อลิเวอร์พูลแบบหมดรูป 4-0 “มันสำคัญมากที่เราจะชนะเกมนี้ เรากลับมาหลังจากพ่ายแพ้ในเกมที่แล้ว” “มันเป็นเกมที่มีรูปแบบต่างกันในครึ่งแรก และเราสามารถเปลี่ยนเกมได้ตามต้องการ แต่เราก็ยังเล่นเกมได้ไม่อันตรายพอ ยังสร้างความลำบากใจให้กับคู่แข่งได้ไม่มากนัก เราขาดความรวดเร็วในการเข้าทำและยังนิ่งไม่แม่นยำพอในการจ่ายบอลในกันในพื้นที่สุดท้าย” “จังหวะลุ้นเป็นประตูของเราน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับความพยายามที่เรามี และในครึ่งหลังเราต้องเล่นรัดกุมมากขึ้นและอย่าใจร้อนที่จะสูญเสียรูปแบบในการเล่นของเรา เพราะเราควบคุมพวกเขาได้ค่อนข้างดี แต่เราจำเป็นต้องเล่นให้ดุดันมากกว่านี้ในบางพื้นที่ และผมคิดว่าเราทำได้” “เราทำสองประตูและหลังจากนั้นเกมอยู่ในการควบคุมของเรา”
อเล็กซ์ อ็อกเลด-แชมเบอร์เลน มิดฟิลด์ของลิเวอร์พูล และอดีตดาวเตะอาร์เซนอล ให้สัมภาษณ์หลังจบเกมที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟิลด์ ถล่มชนะ อาร์เซนอล 4-0 มองว่าจังหวะที่ มิเกล อาร์เตต้า มีปากเสียงกับ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ข้างสนาม อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเกมนี้ เพราะหลังจากนั้นแฟนบอลเจ้าบ้านก็เหมือนถูกปลุกให้ตื่น ส่งเสียงเชียร์กันคึกคักมากกว่าเดิม “มันยากที่จะไม่สังเกตเห็นจังหวะนะ งานของเราที่จะจดจ่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นในสนาม แต่แฟนบอลถูกกระตุ้นจากจังหวะนั้น และนักเตะก็ได้รับประโยชน์จากแรงกระตุ้นที่แฟนบอลส่งมา บางทีนั่นอาจเป็นจุดเปลี่ยนในแง่ของพลังงานและบรรยากาศในเกม” “เป็นงานของนักเตะในการสร้างบรรยากาศด้วยวิธีการที่เรากำลังเล่น และเราทำได้ในวันนี้ และแฟนบอลก็ยอดเยี่ยมมากๆ” “ผมเคยเป็นผู้เล่นที่ต้องอยู่ในสถานะของผู้มาเยือนที่สนามแอนฟิลด์ ซึ่งมันเป็นอะไรที่ยากมาก…
มิเกล อาร์เตต้า เชื่อว่าเป็นเรื่องที่ดีที่มีผู้เล่นของทีมหลายคนมีชื่อติดทีมชาติอังกฤษในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้ง บูกาโย่ ซาก้า, เอมิล สมิธ โรว์ และ อารอน แรมส์เดล ซึ่ง 2 รายหลังได้โอกาสลงสนามให้ทัพสิงโตคำรามเป็นครั้งแรก “ผมคิดว่ามันเป็นรางวัลของสโมสร และอย่างยิ่งกับ เอมิล สมิธ โรว์ ที่ถูกเรียกมาติดทีมเป็นครั้งแรก ซึ่งไม่ใช่จากแค่สิ่งที่เขาทำในสนามเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับวุฒิภาวะของเขาที่แสดงออกมาเพื่อรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ มากมายที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา” “ผมการเล่นที่มีชีวิตชีวาและความสุข เกิดขึ้นในทีมชาติอังกฤษ ผมคิดว่ามันเป็นบรรยากาศที่ยอดเยี่ยม และผมคิดว่ามันเป็นประโยชน์ต่อนักเตะ”
มิเกล อาร์เตต้า ให้สัมภาษณ์หลังจบเกมที่ อาร์เซนอล บุกไปแพ้ ลิเวอร์พูล 4-0 ยอมรับเป็นพ่ายแพ้ที่เจ็บปวด แต่ก็หวังให้ทีมได้เรียนรู้และพัฒนาทีมให้ดีขึ้นในอนาคต “ผมไม่ชอบการเรียนรู้แบบนี้ แต่แน่นอนว่ามีหลายอย่างที่เราได้เรียนรู้จากเกมนี้” “หนึ่งในการเรียนรู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหลังจากผลการแข่งขันที่น่าผิดหวังคือการมุ่งความสนใจไปที่สิ่งที่เราต้องทำต่อไปหลังจากนี้ อย่ายึดติดกับอดีต เพราะเราต้องมองไปในอนาคต” “เราจะดูว่าเราควรจะทำอะไรให้ดีขึ้นกว่านี้ และทำไมเราถึงได้รับผลลัพท์แบบนั้นจากสิ่งที่เราทำ และหลังจากนั้นก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจและโฟกัสไปที่เกมต่อไป”
มิเกล อาร์เตต้า เผยหลังจบเกมที่ อาร์เซนอล บุกไปแพ้ ลิเวอร์พูล 4-0 ในเกมพรีเมียร์ลีกวันเสาร์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับจังหวะที่กุนซือปืนใหญ่มีปากเสียงแบบดุเดือดกับ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ข้างสนาม จนผู้ตัดสินต้องแจกใบเหลืองเพื่อลดดีกรีความเดือดของทั้งคู่ “เขา (คล็อปป์) พยายามปกป้องลูกทีมของเขา ผมก็ปกป้องลูกทีมของผมเช่นกัน นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น” “ผมคิดว่าบรรยากาศในเกมนี้มันยอดเยี่ยมมากตั้งแต่เริ่มต้น นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น”
มิเกล อาร์เตต้า กุนซืออาร์เซนอล ให้สัมภาษณ์หลังจบเกมที่ทีมบุกไปแพ้ ลิเวอร์พูล 4-0 ในเกมพรีเมียร์ลีกเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ยอมรับว่าเกมนี้ทีมทำผลงานได้ไม่ดี แถมยังเปิดโอกาสให้ทีมหงส์แดงได้ทำเกมของตัวเองมากเกินไป “เราแข่งขันกันได้ดีในครึ่งแรก พวกเขามีช่วงเวลาของพวกเขา เรามีช่วงเวลาของเรา เราเล่นเกมของเรา เล่นกับบอลในจังหวะที่ถูกต้องเพื่อสร้างโอกาสของเราขึ้นมา เราเกือบทำประตูได้ ก่อนจะมาเสียประตูจากการเล่นลูกตั้งเตะ” “ในครึ่งหลัง เมื่อเราต้องสร้างโมเมนตัมและเริ่มทำให้ดีขึ้นเพื่อกลับเข้าสู่เกม เราทำได้ไม่ดีในช่วง 15-20 นาทีแรกของครึ่งหลัง เราเสียบอลในพื้นที่อันตรายทั้งๆ ที่ไม่ได้โดนกดดัน และพวกเขาก็ลงโทษเรา” “เราสูญเสียการควบคุมเกม และเป็น ลิเวอร์พูล ที่ชิงโมเมนตัมของเกมนี้ไปทั้งหมด”
มิเกล อาร์เตต้า กุนซืออาร์เซนอล เผยความรู้สึกหลังเข้ามารับหน้าที่คุมทีมปืนใหญ่ครบ 100 เกม ในนัดที่ทีมเฉือนชนะ วัตฟอร์ด 1-0 “มันเป็นการเดินทางที่ยิ่งใหญ่และเหลือเชื่อ! มีสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ไม่ใช่แค่กับที่สโมสรและฟุตบอล แต่รวมถึงสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับโลกใบนี้ เห็นได้ชัดว่ามีผลกระทบอย่างมากในทุกสิ่งที่เราเกี่ยวข้องในช่วงสองปีที่ผ่านมา” “แต่ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้อยู่ในจุดที่ผมเป็นอยู่ในตอนนี้ และผมก็สนุกกับโอกาสและความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า”